มารู้จักกับ Web 2.0 และ Web 3.0 กันว่าคืออะไร
Web 2.0 และ Web 3.0 คืออะไร??
เพื่อนๆ หลายคน คงเคยได้ยินคนพูดถึงเรื่อง web 2.0 และ web 3.0 กันบ้าง แต่ก็ยังสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ เพราะผมเองก็เคยงงเหมือนกัน กับคำเหล่านี้ว่ามันคืออะไร ก็เลยลองไปหาข้อมูลจากพี่กูเกิ้ลดู ทำให้ได้รู้ถึงเรื่องนี้ได้อย่างแจ่มแจ้ง และวันนี้ก็เลยจะนำข้อมูลที่หาได้ มาให้เพื่อนๆ ได้รู้ถึงข้อมูล web 2.0 และ web 3.0 กันครับ
กล่าวถึง วิวัฒนาการของการทำเว็บไซต์ตั้งแต่อดีต มาจนถึงแนวคิดการสร้างเว็บในปัจจุบัน ที่รองรับอนาคตและดูเป็นระบบมากขึ้น รวมถึงการช่วยในการจัดการนำเสนอข้อมูลรูปแบบต่างๆ
หลายคนคงยังไม่รู้จัก แนวคิดในการสร้างเว็บไซต์ 2.0 และเว็บไซต์ 3.0 ว่ามีความหมายอย่างไร ซึ่งถ้าหากพูดถึงภาพรวมแล้วก็คือ การสร้าง Social Network ที่ให้ผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วม ในการสร้างสรรค์ข้อมูลภายในเว็บไซต์มากขึ้น และคัดข้อมูลมานำเสนอผู้ใช้งาน ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งเราแยกความหมายได้ดังนี้
มาทำความรู้จักและแนวทางการพัฒนา Web 2.0 กัน
เป็นการมุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานหรือสมาชิกภายในเว็บไซต์ มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ข้อมูล โดยลูกเล่นที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ เว็บบล็อก (Blog) ที่ให้ผู้ใช้งาน ได้เขียนเรื่องราวนำมาแชร์ให้กับคนอื่นๆ ได้อ่านและศึกษา การอนุญาติให้ แสดงความเห็น (Comment) ภายในเว็บไซต์ เพื่อให้เกิดเนื้อหา มุมมอง ที่เป็นทัศนคติของแต่ละคน นอกเหนือจากเว็บไซต์ในรูปแบบเก่าที่ผู้นำเสนอข้อมูลมักจะเป็น Webmaster หรือทีมงานเจ้าของเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว
ตัวอย่าง Web 2.0 ที่นิยมในประเทศไทยที่เห็นได้ชัดเจน
ตัวอย่าง Web 2.0 – Pantip.com (Forum)
ตัวอย่าง Web 2.0 – Dek-D.com
เราจึงเห็นได้ว่าแนวคิดการพัฒนา Website 2.0 นั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างสังคมได้อิสระแล้ว ยังทำให้เว็บไซต์มีเนื้อหาที่อัพเดททันเหตุการณ์มากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้งานหลายๆ คนได้ระดมความคิดและเขียนออกมาเป็นเรื่องราวสื่อข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหา (Content), รูปภาพ (Picture), วีดีโอ (Video) และ เสียง (Sound) รวมถึงสื่อต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้มีการโอนถ่ายข้อมูล Upload – Download ระหว่างกัน เป็นต้น
มาทำความรู้จักและแนวทางการพัฒนา Web 3.0
เป็นการพัฒนาที่ต่อยอดมาจาก Website 2.0 แต่ว่ามุ่งเน้นทางด้านการจัดการข้อมูลที่เป็นระเบียบมากขึ้น โดยพัฒนาแนวคิดได้อย่างชาญฉลาด และสอดคล้องกับผู้ใช้งานในแต่ละกลุ่ม หรือแยกออกเป็นรายบุคคล ยกตัวอย่าง เช่นเว็บไซต์หาเพื่อนออนไลน์ สมมุติว่าเราได้ทำการสมัครสมาชิก และระบุว่าเราเป็นคนในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เมื่อเราสมัครสมาชิกเสร็จ ระบบอาจจะดึงรายชื่อสมาชิกคนอื่นที่อยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกันมาแนะนำให้เราได้รู้จัก เป็นต้น
จากมุมมองนี้จะเห็นได้ว่า ระบบได้พยายามคัดเลือกเพื่อนใหม่ให้กับเราได้อย่างเหมาะสม หรือยกตัวอย่างเพิ่มเติม เช่น เว็บไซต์หางาน โดยเว็บไซต์อาจจะแนะนำงานใหม่ ให้กับสมาชิกผู้สมัครงาน โดยคัดเลือกงานที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันกับตำแหน่งของที่อยู่ของผู้สมัครงาน เพื่อให้ผู้สมัครงานสามารถติดต่องาน และไปสัมภาษณ์งานได้ง่าย เพราะรู้ธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว ว่าผู้สมัครงานส่วนมากมักจะเริ่มหางานที่อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงกับที่อยู่ของตนเสมอ
สำหรับเว็บไซต์ 3.0 ที่เห็นกันชัดเจนและเป็นที่นิยมอย่างมากในทุกกลุ่มก็ คือ Facebook เช่น ระบบแนะนำเพื่อน (Friend Suggestions) ที่เราน่าจะรู้จัก บางทีเป็นเพื่อนที่ไม่เคยเจอกันนานมากๆ ตั้งแต่ตอนเรียนประถมหรือมัธยมได้เป็นต้น โดย Facebook ก็วิเคราะห์และแสดงผลให้เราทราบได้ ว่าบุคคลนี้น่าจะเป็นคนที่เรารู้จัก โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย
ตัวอย่าง Web 3.0 – Facebook.com
การออกแบบ Website 3.0 นี้ จำเป็นจะต้องอาศัยผู้วางระบบที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมของมนุษย์ด้วย เพื่อที่จะได้นำหลักการดังกล่าว มาพัฒนาระบบให้สอดคล้องกับการใช้งานจริงบนเว็บไซต์
นอกจากการพัฒนาระบบ ที่มีการจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว Website 3.0 ยังมีมุมมองในการพัฒนาที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตด้านสถานที่หรือเวลา ยกตัวอย่าง เช่น การเข้าใช้งานเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์มือถือ การถ่ายภาพบนมือถือและอัพโหลดไปยังเว็บไซต์ ให้เพื่อนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่ที่บ้านได้ชมภาพเหล่านั้น หรือการให้อุปกรณ์ต่อพ่วงระบบ GPS บนรถยนต์รายงานพิกัดตำแหน่งไปยัง Server ของเว็บไซต์ที่ให้บริการ เพื่อบ่งเส้นทางการเดินทางให้กับผู้ขับขี่ เป็นต้น
ทั้งนี้ การออกแบบเว็บไซต์ภายใต้แนวคิดต่างๆ นั้น สามารถทำได้กับทุกเว็บไซต์ ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Web Application และความต้องการของลูกค้า ที่จะนำมาใช้เลือกพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจ โดยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงที่สุด ยังไงลองนำไปดูกันนะครับว่า ตอนนี้เว็บไซต์ของเราตอนนี้เป็น Web 2.0 หรือ Web 3.0