ทำงานอย่างไรให้มีความสุข ตามวิธีของผมเอง
หลายท่านคงจะเคยเครียดกับการทำงานในแต่ละวัน บางวันก็มีความสุขดี บางวันก็เครียด แต่หากเมื่อเรามีความเครียดบ่อยๆ หรือเครียดสะสมนั้น ก็จะก่อให้เกิดการเบื่องาน เบื่อทุกอย่างรอบตัว ซึ่งบางทีผมก็เคยรู้สึกแบบนั้นบ้าง ซึ่งวันนี้ผมเลยอยากมาแชร์วิธีของผม ที่จะทำให้เราลดความเครียด เปลี่ยนไปเป็นความสุขกับการทำงานกันดีกว่าตามคำกล่าวที่ว่า “ชีวิตคืองานบันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน” ลองมาดูวิธีกันดีกว่ามามีอะไรบ้าง
สร้างความกระตือรือร้นให้กับตัวเองและคนรอบข้าง
ความกระตือรือร้นเป็นคุณสมบัติที่ทุกคนจะต้องมี เป็นภาวะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้การลงมือทำที่ตื่นเต้น สนุกสนาน ทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้ชิดพลอยกระตือรือร้นตามไปด้วย นอกจากการทำทุกอย่างไปสู่ความสำเร็จ ก็จะช่วยทำให้งานที่ดูยากๆ กลายเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อหน่าย พลังจะเพิ่มได้ถึง 2-3 เท่า เพราะแสดงถึงการมีกำลังใจ มีพลัง มีความเชื่อมั่นที่สูง ส่งผลให้เกิดการลงมือทำโดยเร็ว
ออกจากบ้านให้เร็วที่สุด
โดยปกติผมจะพยายามออกจากบ้านให้ถึงที่ทำงานก่อนอย่างน้อย 30 นาที ระหว่างทางอาจแวะร้านกาแฟ นั่งอ่านข่าวสาร เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในวันนั้นได้อย่างเต็มที่ คิดทบทวนเมื่อวานว่าทำอะไรไป วันนี้จะทำอะไรต่อ เมื่อก้าวเข้าสู่โต๊ะทำงาน ก็พยายามตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เต็มที่ ก็จะทำให้วันนั้นมีความสุขกับการทำงานได้อย่างเหลือเชื่อ
กล่าวคำทักทายทุกๆ เช้า
เริ่มต้นวันด้วยการกล่าวทักทายทุกๆ คนใสออฟฟิศด้วยคำว่า “สวัสดี” ไม่ลืมรอยยิ้ม แล้วเมื่อเราได้รับคำทักทายพร้อมรอยยิ้มกลับมา บรรยากาศแห่งความสุขเกิดขึ้นได้แม้เพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านี้เอง แนะนำข้อนี้โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นพนักงานหน้าใหม่ในออฟฟิศ การตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่ๆ ก็อาจทำให้สีหน้าเคร่งเครียดโดยไม่รู้ตัว ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วยิ้ม ช่วยลดความซีเรียส ลดความตื่นเต้นได้เยอะเลย
อย่าต่อว่าองค์กรที่คุณอยู่
ทุกๆ แห่งย่อมมีปัญหาและอุปสรรค แต่ถ้าเราไม่มีความรู้สึกผูกพันกับองค์กร ความรู้สึกของคำว่า “ทนอยู่” จะเกิดขึ้นได้ทันที อย่าทำงานเพียงรอรับเงินเดือนเมื่อครบสิ้นเดือนเท่านั้น แล้วถ้ามีปัญหาก็อย่าต่อว่าหรือพูดถึงองค์กรของคุณในทางที่ไม่ดี เช่น บริหารงานไม่ดี ปรับเงินเดือนโบนัสน้อยเกินไป การเลือกทำงานอยู่ในองค์กรแห่งนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเองทั้งสิ้น แล้วออฟฟิศก็เป็นที่ที่เราใช้เวลามากกว่าเวลาที่บ้านเสียอีก
อย่าดูถูกเพื่อนร่วมงาน
การตั้งเป้าหมายที่สูงลิ่ว ก็อาจทำให้เราเกิดความรู้สึกแบบนี้โดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานโดยลำพัง และความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นจากความร่วมมือของบุคคลรอบข้างตัวคุณ ถ้าต้องมีการขอความร่วมมือ หรือคุณต้องเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ แก่เพื่อนร่วมงาน ควรมองคนที่คุณค่าแท้จริง และอย่าลืมว่าทุกคนมีทักษะและความชำนาญในงานที่แตกต่างกันไป คุณทำงานของคุณได้ แต่คุณอาจไม่สามารถทำงานของคนอื่นได้ และการวัดคุณภาพของคนทำงานได้ดีไม่ใช่แค่การศึกษาระดับปริญญา แต่มีปัจจัยอื่นๆ ที่ใช้วัดความสามารถ เช่น การควบคุมอารมณ์ (Emotional Quotient : EQ) ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) คนทำงานควรศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับคนได้ทุกประเภทและทุกระดับ
ถ้างานผิดพลาด อย่าคิดแต่หาคนรับผิดชอบเท่านั้น
คนทำงานย่อมเกิดความผิดพลาดได้ทุกคน ซึ่งแตกต่างจากคนที่ไม่เคยผิดพลาดเพราะนั่นคือคนที่ไม่เคยทำงานเลย นี่เป็นสัจธรรม เมื่อเกิดความผิดพลาดต้องมุ่งสู่การแก้ไขให้รวดเร็วที่สุด การได้รับมือกับปัญหาทำให้ได้เรียนรู้ความผิดพลาดในครั้งนี้อีกด้วย
สร้างความสุขในที่ทำงาน
การสร้างความสุขในที่นี้หมายความรวมถึงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือ ให้ความรู้สึกดีๆ ให้กำลังใจ ให้โอกาสเพื่อนร่วมงาน และให้อภัยเพื่อนร่วมงานด้วย ในบางออฟฟิศสิ่งที่มักจะขาดแคลนก็คือการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หากขาดข้อใดข้อหนึงไปอาจทำให้ความสุขและความผูกพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ขาดหายไปได้
คิดบวก เป็นเรื่องนำมาใช้ได้ตลอดกาล
การปรับความคิด ทัศนคติ โดยให้มองโลกในทางบวกไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกับหัวหน้างาน เพื่อนร่วมทีม หรือแม้กระทั่งบุคคลนอกออฟฟิศที่ต้องติดต่อด้วย